วิธีจดโดเมน แม้จะเป็นขั้นตอนที่ทำได้รวดเร็วก็จริง แต่ไม่ควรรีบทำแบบขอไปที เพราะชื่อโดเมนไม่ใช่แค่ที่อยู่เว็บไซต์ — มันคือส่วนสำคัญของตัวตนแบรนด์ของคุณบนโลกออนไลน์
ไม่ว่าคุณจะกำลังสร้างบล็อก แสดงผลงาน หรือเปิดร้านค้าออนไลน์ ชื่อโดเมนมักเป็นสิ่งแรกที่ลูกค้าเห็น ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ของคุณ
การใช้เวลาเลือกชื่อโดเมนที่เหมาะสมตั้งแต่แรกจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะชื่อที่ดีจะช่วยเสริมการจดจำแบรนด์ และทำให้ลูกค้าค้นหาคุณเจอบนโลกออนไลน์ได้ง่ายขึ้น ในทางกลับกัน หากคุณต้องเปลี่ยนชื่อโดเมนหลังจากเปิดใช้งานแล้ว อาจส่งผลเสียต่ออันดับ SEO และสร้างความสับสนให้กับกลุ่มเป้าหมายได้เช่นกัน
บทความนี้จะพาคุณไปทีละขั้นตอน ตั้งแต่การคิดชื่อโดเมน ไปจนถึงการจดทะเบียนจริง พร้อมเคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญในการเลือกชื่อที่ช่วยเสริมแบรนด์ให้โดดเด่นและหาง่ายบนโลกออนไลน์
วิธีจดโดเมนใน 6 ขั้นตอนง่ายๆ
- เลือกชื่อโดเมน
- ตรวจสอบความพร้อมใช้
- เลือกผู้ให้บริการจดโดเมน
- ซื้อและจดทะเบียนโดเมน
- ตรวจสอบสัญญาชื่อโดเมน
- ต่ออายุชื่อโดเมนของคุณ
1. เลือกชื่อโดเมน
วิธีจดโดเมนที่ดี ต้องเริ่มจากการให้ความสำคัญกับชื่อโดเมน ซึ่งส่วนสำคัญของอัตลักษณ์แบรนด์ หากคุณยังอยู่ในขั้นตอนตั้งชื่อธุรกิจ ควรพิจารณาชื่อโดเมนควบคู่ไปด้วย เพราะชื่อโดเมนที่ใกล้เคียงกับชื่อแบรนด์จะช่วยให้ลูกค้าจำได้ง่ายขึ้น
หากคุณมีชื่อธุรกิจอยู่แล้ว โดเมนที่คุณต้องการน่าจะเป็น YourBrand.com แต่ถ้าชื่อนั้นมีคนใช้ไปแล้วล่ะ? ไม่ต้องกังวล เพราะยังมีทางเลือกอื่น
- เพิ่มคำต่อท้าย (suffix): ทำให้ชื่อโดเมนต่างออกไปด้วยการเติมคำที่เกี่ยวข้อง เช่น สินค้าหลัก (YourBrandShoes.com), สถานที่ตั้ง (YourBrandCanada.com) หรือคำที่ใช้ได้ครอบคลุม (YourBrandOnline.com)
- เพิ่มคำนำหน้า (prefix): เริ่มต้นชื่อโดเมนด้วยคำกริยาที่สื่อถึงการกระทำหรือสินค้า เช่น GetYourBrand.com, WearYourBrand.com, EatYourBrand.com
- เปลี่ยนนามสกุลโดเมน (extension): แม้ว่า .com จะเป็น TLD ที่นิยมที่สุด แต่คุณสามารถเลือกใช้นามสกุลอื่นได้ เช่น .co.th, .shop หรือ .store โดยนามสกุลเฉพาะบางประเภทอาจมีราคาสูงกว่า
2. ตรวจสอบความพร้อมใช้
การตรวจสอบว่าโดเมนที่คุณเลือกยังว่างอยู่หรือไม่นั้น รวดเร็วและง่ายมาก โดยทั่วไปผู้ให้บริการโฮสติ้งมักมีเครื่องมือค้นหาโดเมนฟรี ซึ่งเชื่อมต่อกับระบบบันทึกข้อมูลชื่อโดเมนที่เรียกว่า WHOIS หรือ RDAP
เครื่องมือที่เชื่อถือได้สำหรับตรวจสอบความพร้อมใช้งานและประวัติของชื่อโดเมน ได้แก่
- Shopify
- Squarespace Domains (เดิมคือ Google Domains)
- GoDaddy
- IONOS
- Bluehost
- Domain.com
- Namecheap
- HostGator
อย่าลืมว่า ชื่อโดเมนเป็นระบบกลางที่ใช้ร่วมกันทั่วโลก หากชื่อโดเมนที่คุณต้องการไม่ว่างจากผู้ให้บริการรายหนึ่ง ก็จะไม่ว่างจากทุกรายเช่นกัน
ข่าวดีคือ เครื่องมือเหล่านี้มักจะแนะนำชื่อโดเมนที่ใกล้เคียงและยังว่างอยู่ให้โดยอัตโนมัติ เผื่อเป็นตัวเลือกสำรองหากชื่อที่คุณต้องการถูกจองไปแล้ว

คุณอาจเจอข้อความเกี่ยวกับบริการนายหน้าซื้อโดเมน (Domain Brokering) ซึ่งหมายความว่าโดเมนนั้นมีเจ้าของแล้ว แต่ผู้ให้บริการสามารถช่วยเจรจาขอซื้อกับเจ้าของปัจจุบันแทนคุณได้
แม้ว่าวิธีนี้จะเป็นอีกทางในการได้ชื่อโดเมนที่คุณต้องการ แต่ก็มักมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและอาจล่าช้าในการดำเนินการ และถึงแม้เจ้าของจะยินดีขาย ราคาก็มีแนวโน้มจะแพงกว่าการจดโดเมนที่ยังว่างอยู่มาก
ดังนั้น ขึ้นอยู่กับงบประมาณของคุณและความสำคัญของชื่อโดเมนนั้นต่อแบรนด์ หากคุณมีงบจำกัด การมองหาชื่อโดเมนทางเลือกที่ใกล้เคียงจะเป็นวิธีที่ประหยัดและคุ้มค่ากว่า
3. เลือกผู้ให้บริการจดโดเมน
ผู้ให้บริการจดโดเมน (Domain Name Registrar) คือบริษัทที่ทำหน้าที่จองและจดทะเบียนชื่อโดเมนให้คุณ เมื่อคุณซื้อชื่อโดเมน ผู้ให้บริการจะนำชื่อโดเมนนั้นเข้าสู่ระบบ DNS (Domain Name System) ให้โดยอัตโนมัติ
ในวิธีจดโดเมน แม้ว่าจะมีผู้ให้บริการที่ได้รับการรับรองอยู่มากกว่าพันราย แต่การเลือกใช้ผู้ให้บริการที่มีชื่อเสียงและน่าเชื่อถือถือเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด เพราะจะช่วยให้คุณค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการโดเมนได้ง่ายขึ้น และสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในการเชื่อมต่อกับบริการอื่นๆ ได้สะดวกกว่า
คุณสามารถซื้อชื่อโดเมนได้จากหลายประเภทของผู้ให้บริการ เช่น
- แพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ (เช่น Shopify, Squarespace หรือ WordPress)
- ผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้ง (เช่น HostGator หรือ Bluehost)
- ผู้ให้บริการจดโดเมนโดยเฉพาะ (เช่น GoDaddy หรือ NameCheap)
หลายบริษัทให้บริการทั้งการจดโดเมนและโฮสติ้งในที่เดียว ซึ่งถือว่าสะดวก เพราะคุณสามารถจัดการทุกอย่างเกี่ยวกับเว็บไซต์ได้ครบจบในแพลตฟอร์มเดียว อย่างไรก็ตาม คุณไม่จำเป็นต้องใช้บริษัทเดียวกันสำหรับทั้งสองบริการ คุณสามารถซื้อโดเมนจากผู้ให้บริการหนึ่ง แล้วเลือกโฮสต์เว็บไซต์กับอีกบริษัทหนึ่งก็ได้ หากตรงกับความต้องการของคุณมากกว่า
โดยทั่วไปแล้ว ชื่อโดเมนจะมีค่าใช้จ่ายแบบต่ออายุ ไม่ใช่การซื้อขาด โดยมักจะเรียกเก็บเป็นรายปี
สำหรับโดเมนพื้นฐานนามสกุล .com ประมาณ 438–730 บาทต่อปี อย่างไรก็ตาม โดเมนพรีเมียม เช่น โดเมนที่มีตัวอักษรสั้นเพียง 4 ตัว หรือคำยอดนิยมที่มีความต้องการสูง อาจมีราคาสูงกว่ามาก นอกจากนี้ โดเมนที่ใช้นามสกุลพิเศษอย่าง .store หรือ .shop ก็มักจะมีราคาที่แพงกว่าด้วยเช่นกัน
เมื่อคุณวางแผนงบประมาณสำหรับชื่อโดเมน ควรสังเกตความแตกต่างระหว่างราคาซื้อครั้งแรก กับราคาต่ออายุ ผู้ให้บริการหลายรายมักมีโปรโมชั่นราคาถูกในปีแรกหรือสองปีแรก โดยเฉพาะเมื่อคุณซื้อโดเมนร่วมกับบริการอื่นๆ เช่น เว็บโฮสติ้งหรือเว็บไซต์สำเร็จรูป
วิธีเลือกผู้ให้บริการจดโดเมน ควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้
- ความง่ายในการใช้งาน: วิธีจดโดเมนเชื่อมต่อโดเมนเข้ากับเว็บไซต์ของคุณสะดวกแค่ไหน? หากคุณซื้อโดเมนผ่านแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ เช่น Shopify หรือ Squarespace มักจะตั้งค่าได้ง่ายและรวดเร็ว เพราะทุกอย่างอยู่ในระบบเดียวกัน แต่หากใช้บริการจากหลายผู้ให้บริการ อาจต้องตั้งค่าด้วยตนเองมากขึ้น และมีความซับซ้อนทางเทคนิคมากกว่า
- การปกป้องข้อมูลส่วนตัว: เมื่อคุณจดทะเบียนโดเมน ข้อมูลติดต่อของคุณจะปรากฏในระบบสาธารณะของ ICANN ทั่วโลก การใช้บริการปกป้องข้อมูล (Domain Privacy Protection) จะช่วยซ่อนข้อมูลเหล่านี้ ผู้ให้บริการบางราย เช่น Shopify มีบริการนี้ให้ฟรี ขณะที่บางเจ้าจะคิดค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
- ความหลากหลายของนามสกุลโดเมน: แม้ผู้ให้บริการส่วนใหญ่จะมีโดเมนนามสกุล .com แต่ถ้าคุณต้องการนามสกุลเฉพาะทาง เช่น .ca, .eu, .au หรือโดเมนเฉพาะอย่าง .shop, .store ก็ควรตรวจสอบว่าผู้ให้บริการนั้นมีให้เลือกหรือไม่
- บริการเสริมอื่นๆ: ผู้ให้บริการจดโดเมนหลายเจ้ามีบริการเสริม เช่น เว็บโฮสติ้ง เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ หรือระบบอีเมล บางครั้งโดเมนจะมีราคาถูกเฉพาะเมื่อซื้อพร้อมบริการเหล่านี้ ควรพิจารณาด้วยว่าคุณต้องการใช้งานบริการเสริมเหล่านี้จริงหรือไม่ก่อนตัดสินใจ
เพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจ ต่อไปนี้คือภาพรวมของผู้ให้บริการจดโดเมนรายใหญ่ ราคาที่เริ่มต้น และค่าบริการปกป้องข้อมูล WHOIS
- ราคาปีแรก: เริ่มต้นที่ประมาณ 550 บาท
- ราคาต่ออายุ: ประมาณ 550 บาทต่อปี
- การปกป้องข้อมูล WHOIS: ฟรี
Squarespace Domains (เดิมคือ Google Domains)
- ราคาปีแรก: เริ่มต้นที่ประมาณ 511 บาท สำหรับโดเมน .com
- ราคาต่ออายุ: ประมาณ 730 – 2,555 บาทต่อปี
- การปกป้องข้อมูล WHOIS: ฟรี
- ราคาปีแรก: เริ่มต้นที่ประมาณ 0.36 บาท สำหรับปีแรก
- ราคาต่ออายุ: ประมาณ 730 บาทต่อปี
- การปกป้องข้อมูล WHOIS: ฟรี
- ราคาปีแรก: เริ่มต้นที่ประมาณ 36.5 บาท
- ราคาต่ออายุ: ประมาณ 550 บาทต่อปี
- การปกป้องข้อมูล WHOIS: ฟรี
- ราคาปีแรก: เริ่มต้นที่ประมาณ 474 บาท สำหรับโดเมน .com
- ราคาต่ออายุ: เริ่มต้นที่ประมาณ 729 บาท
- การปกป้องข้อมูล WHOIS: ประมาณ 548 บาทต่อปี
- ราคาปีแรก: เริ่มต้นที่ประมาณ 438 บาท สำหรับโดเมน .com
- ราคาต่ออายุ: เท่ากับราคาปีแรก
- การปกป้องข้อมูล WHOIS: ประมาณ 328 บาทต่อปี
- ราคาปีแรก: เริ่มต้นที่ประมาณ 237 บาท
- ราคาต่ออายุ: เริ่มต้นที่ประมาณ 616 บาทต่อปี
- การปกป้องข้อมูล WHOIS: ฟรี
- ราคาปีแรก: เริ่มต้นที่ประมาณ 474 บาท
- ราคาต่ออายุ: ประมาณ 839 บาทต่อปี
- การปกป้องข้อมูล WHOIS: ประมาณ 546 บาทต่อปี
4. ซื้อและจดทะเบียนโดเมน
เมื่อคุณเลือกผู้ให้บริการและตัดสินใจเกี่ยวกับชื่อโดเมนที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว ก็พร้อมสำหรับขั้นตอนการซื้อและจดทะเบียน ซึ่งเราจะพาคุณดูตัวอย่างกระบวนการจากผู้ให้บริการยอดนิยม
วิธีจดโดเมนกับ Shopify: หากคุณกำลังสร้างร้านค้าออนไลน์ วิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดในการจดโดเมนคือการซื้อโดยตรงผ่าน Shopify
วิธีนี้จะช่วยตั้งค่าโดเมนให้อัตโนมัติ และให้คุณจัดการการตั้งค่าต่างๆ เช่น ซับโดเมน (subdomain) และการส่งต่ออีเมล all-in-one ผ่านแผงจัดการร้านค้าของคุณ
ขั้นตอนการจดโดเมนกับ Shopify
- ล็อกอินเข้าสู่แผงผู้ดูแล Shopify แล้วไปที่ Settings > Domains
- คลิก “Buy new domain” แล้วพิมพ์ชื่อโดเมนที่คุณต้องการ
- คลิก “Buy” ข้างๆ โดเมนที่คุณต้องการจด
- เพิ่มวิธีชำระเงิน หากคุณยังไม่ได้เพิ่มไว้
- ตรวจสอบข้อมูลติดต่อของคุณ ตัวเลือกการต่ออายุอัตโนมัติ และข้อตกลงการจดทะเบียนโดเมน
- คลิก “Buy domain” เพื่อยืนยันการซื้อ
- ตรวจสอบอีเมลของคุณสำหรับลิงก์ยืนยัน แล้วคลิกเพื่อดำเนินการจดทะเบียนให้เสร็จสมบูรณ์
หลังจากตั้งค่าโดเมนเรียบร้อยแล้ว คุณสามารถเข้าไปแก้ไขการตั้งค่าโดเมน สร้างซับโดเมน หรือกำหนดอีเมลส่งต่อได้ใน Settings > Domains ภายในแผง Shopify
หมายเหตุ: อาจใช้เวลาสูงสุดถึง 48 ชั่วโมงก่อนที่โดเมนใหม่ของคุณจะเริ่มใช้งานได้อย่างสมบูรณ์

วิธีจดโดเมนกับ Squarespace Domains: Squarespace Domains เปิดให้คุณซื้อโดเมนได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้บริการอื่นของ Squarespace ร่วมด้วย อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการ พวกเขาก็มีบริการเสริมอย่าง Google Workspace และการส่งต่ออีเมลให้เลือกใช้งาน
ขั้นตอนการจดโดเมนกับ Squarespace มีดังนี้
- ไปที่หน้าจดโดเมนของ Squarespace Domains
- ค้นหาชื่อโดเมนที่คุณต้องการ
- คลิก “Add to Cart” ถัดจากชื่อโดเมนที่คุณเลือก หรือเพิ่มหลายโดเมนในตะกร้าพร้อมกันก็ได้
- ดำเนินการไปยังหน้าชำระเงิน (Checkout)
- สร้างบัญชี Squarespace โดยใช้อีเมลธุรกิจของคุณ
- เลือกระยะเวลาการจดทะเบียน แล้วดำเนินการต่อ
- กรอกข้อมูลติดต่อสำหรับสิทธิ์ความเป็นเจ้าของโดเมน
- กรอกข้อมูลการชำระเงิน แล้วกดยืนยันการซื้อ
หลังจากคุณได้รับอีเมลยืนยันการซื้อเรียบร้อยแล้ว ระบบจะสงวนและจดทะเบียนชื่อโดเมนนั้นให้คุณผ่าน Squarespace Domains ทันที

วิธีจดโดเมนกับ GoDaddy: GoDaddy เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการจดโดเมนที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมากที่สุด พร้อมรองรับการเชื่อมต่อกับบริการจากหลายแพลตฟอร์มภายนอก
ขั้นตอนการจดโดเมนกับ GoDaddy
- ไปที่เว็บไซต์ GoDaddy.com แล้วค้นหาชื่อโดเมนที่คุณต้องการ
- หากโดเมนว่างอยู่ ให้คลิก “Make it Yours”
- สร้างบัญชี GoDaddy หรือเข้าสู่ระบบหากมีบัญชีอยู่แล้ว
- กรอกข้อมูลการเรียกเก็บเงินและชำระเงิน
- ตรวจสอบบริการเสริมที่เสนอ เช่น โฮสติ้งอีเมล หรือเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ และเลือกไม่ใช้หากไม่ต้องการ
- เลือกระยะเวลาการชำระเงิน (สำหรับโดเมน .com สูงสุด 10 ปี)
- ตรวจสอบคำสั่งซื้อของคุณ และดำเนินการชำระเงินให้เสร็จสิ้น
เมื่อคุณซื้อเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดเมนของคุณจะถูกจดทะเบียนกับ GoDaddy อย่างสมบูรณ์

วิธีจดโดเมนกับ IONOS:
IONOS เป็นบริษัทด้านไอทีที่มีประสบการณ์มายาวนานตั้งแต่ปี 1988 ให้บริการจดทะเบียนโดเมนควบคู่กับแพ็กเกจโฮสติ้งเว็บไซต์
ขั้นตอนการจดโดเมนกับ IONOS มีดังนี้
- เข้าไปที่หน้าเว็บไซต์หลักของ IONOS แล้วค้นหาชื่อโดเมนที่ต้องการ
- หากชื่อโดเมนยังว่างอยู่ ให้คลิก “Add to Cart” เพื่อเพิ่มลงตะกร้า
- ตรวจสอบบริการเพิ่มเติมที่เสนอมา หากคุณต้องการเฉพาะโดเมน ให้ข้ามส่วนนี้ไป
- สร้างบัญชี IONOS ใหม่ หรือเข้าสู่ระบบหากคุณมีบัญชีอยู่แล้ว
- กรอกข้อมูลการชำระเงินและข้อมูลการเรียกเก็บเงินให้ครบถ้วน

วิธีจดโดเมนกับ Namecheap: Namecheap เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกยอดนิยมสำหรับธุรกิจที่ต้องการจดทะเบียนโดเมนในราคาที่คุ้มค่า
ขั้นตอนการจดโดเมนกับ Namecheap มีดังนี้
- เข้าไปที่เว็บไซต์ Namecheap แล้วค้นหาชื่อโดเมนที่คุณต้องการ
- หากโดเมนนั้นว่าง ให้คลิก “Add to Cart” หรือเลือกจากตัวเลือกอื่นที่ระบบแนะนำ
- ตรวจสอบบริการเสริมต่างๆ ที่เสนอ เช่น SSL, โฮสติ้ง หรือ VPN หากไม่ต้องการสามารถข้ามได้
- กรอกข้อมูลการชำระเงินและดำเนินการตามขั้นตอนที่ระบบแนะนำจนเสร็จสมบูรณ์

5. ตรวจสอบสัญญาชื่อโดเมน
ก่อนยืนยันการซื้อโดเมน อย่าลืมอ่านข้อกำหนดและเงื่อนไขของผู้ให้บริการให้รอบคอบ สัญญาการจดโดเมนถือเป็นเอกสารทางกฎหมายที่มีผลผูกพัน ซึ่งมักจะระบุรายละเอียดสำคัญ ดังนี้
- ใครเป็นเจ้าของสิทธิ์เต็มรูปแบบของโดเมน
- เงื่อนไขการต่ออายุและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง
- ค่าบริการเพิ่มเติม เช่น การกู้คืนโดเมนหรือบริการปกป้องความเป็นส่วนตัว
- เงื่อนไขในการโอนโดเมนไปยังผู้ให้บริการรายอื่น
- เงื่อนไขการชำระเงิน รวมถึงผลกระทบจากการชำระล่าช้า
วิธีจดโดเมนในอุดมคติคือ คุณควรเป็นเจ้าของโดเมนแบบสมบูรณ์ตลอดระยะเวลาสัญญา และควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าสัญญาเปิดโอกาสให้โอนย้ายโดเมนได้ง่าย โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมสูงเกินไปหากต้องการเปลี่ยนผู้ให้บริการในอนาคต
6. ต่ออายุชื่อโดเมนของคุณ
เมื่อคุณซื้อโดเมน คุณจะได้รับสิทธิ์ใช้งานเป็นระยะเวลาที่กำหนด โดยทั่วไปคือ 1 ปี แม้ว่าบางผู้ให้บริการ เช่น GoDaddy จะมีตัวเลือกให้จดได้นานถึง 10 ปีสำหรับโดเมน .com แต่การจดโดเมนก็ไม่ใช่สิทธิ์ถาวร
หากต้องการรักษาสิทธิ์ความเป็นเจ้าของโดเมนไว้ คุณจะต้องต่ออายุเมื่อครบกำหนด ระยะเวลาต่ออายุขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ โดยส่วนใหญ่จะมีระบบต่ออัตโนมัติ ซึ่งแนะนำให้เปิดใช้งานไว้ เพื่อป้องกันการลืมหรือล่าช้า ทั้งนี้ ผู้ให้บริการมักจะแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาใกล้ต่ออายุ
สิ่งสำคัญ: หากข้อมูลบัตรหรือวิธีชำระเงินของคุณมีการเปลี่ยนแปลง อย่าลืมอัปเดตข้อมูลในระบบของผู้ให้บริการ มิฉะนั้นอาจทำให้ระบบไม่สามารถเรียกเก็บเงินเพื่อต่ออายุได้
หากคุณไม่ต่ออายุโดเมน โดเมนของคุณจะไม่สามารถใช้งานเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ได้อีก และอาจถูกผู้อื่นซื้อไปใช้งานได้ในภายหลัง
ซื้อโดเมนจากที่ไหนดีที่สุด?
มีเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือหลายแห่งที่คุณสามารถซื้อโดเมนสำหรับโปรเจกต์ออนไลน์ของคุณได้ โดยแต่ละที่มีจุดเด่นต่างกัน ดังนี้
- Shopify: เหมาะที่สุดสำหรับร้านค้าออนไลน์ เพราะวิธีจดโดเมนของเรามีระบบจัดการร้านแบบครบวงจร ทั้งโดเมน โฮสติ้ง และเครื่องมืออีคอมเมิร์ซในที่เดียว
- IONOS: ราคาจดโดเมนไม่แพง และให้บริการปกป้องข้อมูลฟรี
- GoDaddy: มีตัวเลือกโดเมนให้เลือกหลากหลาย และมีฝ่ายบริการลูกค้าที่เชื่อถือได้
- Squarespace Domains: เหมาะกับผู้ที่ต้องการเชื่อมต่อกับ Google Workspace ได้อย่างราบรื่น
- Bluehost: ติดตั้ง WordPress ได้ในคลิกเดียว เหมาะกับผู้ที่ต้องการทำเว็บไซต์แบบบล็อกหรือคอนเทนต์
- HostGator: ให้บริการโฮสติ้งฟรีในปีแรกที่จดโดเมน
หลังทำตามวิธีจดโดเมนแล้ว ควรทำอะไรต่อ?
ตั้งค่าระบบ DNS (Domain Name System)
เมื่อผู้ใช้พิมพ์ URL ลงในเบราว์เซอร์ คำขอจะถูกส่งไปยังเครือข่ายของเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกเพื่อค้นหาเว็บไซต์ของคุณผ่านระบบที่เรียกว่า DNS
DNS คือระบบกลางที่ใช้แปลงชื่อเว็บไซต์ (เช่น www.yourstore.com) ให้เป็น IP address เพื่อให้อุปกรณ์ต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ สามารถค้นหาเว็บไซต์ได้อย่างถูกต้อง
แม้การตั้งค่า DNS ด้วยตัวเองอาจซับซ้อน แต่ผู้ให้บริการจดโดเมนส่วนใหญ่ รวมถึง Shopify จะตั้งค่าให้อัตโนมัติหลังจดโดเมน
สร้างเว็บไซต์หรือหน้าแลนดิ้งเพจ
เมื่อมีคนคลิกเข้ามาที่โดเมนของคุณ พวกเขาควรเห็นอะไร? คุณควรสร้างเว็บไซต์หรือหน้าแลนดิ้งเพจเพื่อแนะนำโปรเจกต์หรือธุรกิจของคุณให้ชัดเจน
- หากคุณทำบล็อกหรือเว็บไซต์เนื้อหา: WordPress, Wix, หรือ Squarespace คือทางเลือกยอดนิยม
- หากคุณทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ: Shopify คือทางเลือกที่ครบที่สุด เพราะคุณสามารถจดโดเมนและเปิดร้านออนไลน์ได้ในที่เดียว
Shopify ยังมีฟีเจอร์เสริมอื่นๆ ให้คุณใช้งาน เช่น
- เลือกธีมจากคลังเทมเพลต
- แสดงรายละเอียดสินค้า
- เก็บข้อมูลลูกค้า
- จัดการแคมเปญการตลาด
- รับชำระเงินออนไลน์อย่างปลอดภัย
- ตั้งค่าการจัดส่งสินค้า
- ดูรายงานการเข้าชมและการขายของเว็บไซต์
เปิดใช้การปกป้องข้อมูลส่วนตัวของโดเมน
การปกป้องข้อมูลโดเมนจะช่วยซ่อนข้อมูลส่วนตัวของคุณจากฐานข้อมูล WHOIS สาธารณะ เมื่อข้อมูลของคุณได้รับการปกป้อง คุณจะลดความเสี่ยงจากสแปมและภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างมาก
วิธีจัดการการปกป้องข้อมูลส่วนตัวขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการจดโดเมนของคุณ บางราย เช่น Shopify จะเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ ในขณะที่บางรายอาจคิดค่าบริการเพิ่มเติมสำหรับการปกป้อง WHOIS โดยปกติแล้วระบบจะแจ้งให้คุณตั้งค่าหากฟีเจอร์นี้เป็นส่วนเสริมของบริการ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวิธีจดโดเมน
วิธีจดโดเมนเนมของตัวเอ งทำได้ยังไงบ้าง?
การจดทะเบียนโดเมนสามารถทำได้โดยเลือกผู้ให้บริการที่ต้องการ แล้วดำเนินการตามขั้นตอนการซื้อที่กำหนดไว้ โดยสามารถดูรายละเอียดขั้นตอนจากผู้ให้บริการยอดนิยมได้ในคู่มือก่อนหน้านี้ โปรดทราบว่าการจดทะเบียนโดเมนมีอายุจำกัด หากต้องการใช้งานต่อเนื่องจะต้องทำการต่ออายุเมื่อครบกำหนด
การจดโดเมนใช้เวลานานเท่าไร?
โดยทั่วไปแล้ว วิธีจดโดเมนจะสำเร็จพร้อมใช้ภายในเวลาประมาณ 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม อาจมีความล่าช้าได้สูงสุดถึง 72 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้งาน
ทำไมเราจึงไม่สามารถถือครองโดเมนได้แบบถาวร?
ICANN ซึ่งเป็นองค์กรกำกับดูแลการจัดการโดเมน ได้กำหนดระยะเวลาการถือครองสูงสุดไว้ที่ 10 ปี อย่างไรก็ตาม ผู้ถือครองสามารถต่ออายุโดเมนได้อย่างต่อเนื่องเพื่อใช้งานในระยะยาว
โดเมนมีให้ใช้ฟรีหรือไม่?
บางผู้ให้บริการอาจมีข้อเสนอให้โดเมนฟรีเมื่อซื้อบริการอื่นร่วมด้วย เช่น แพ็กเกจโฮสติ้ง อย่างไรก็ตาม โดเมนฟรีมักมาพร้อมข้อจำกัดด้านการปรับแต่ง และอาจมีชื่อแบรนด์ของผู้ให้บริการรวมอยู่ใน URL ด้วย นอกจากนี้ เมื่อครบกำหนดใช้งานปีแรก จะต้องชำระค่าธรรมเนียมในการต่ออายุ
เราจำเป็นต้องจดทะเบียนโดเมนหรือไม่?
การใช้งานชื่อโดเมนจำเป็นต้องจดทะเบียนกับผู้ให้บริการ ซึ่งจะดำเนินการให้โดยอัตโนมัติเมื่อมีการชำระเงินและกรอกข้อมูลที่จำเป็นเรียบร้อยแล้ว ผู้ใช้ไม่ต้องดำเนินการใดเพิ่มเติมหากขั้นตอนทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์
ค่าธรรมเนียมรายปีในการจดทะเบียนโดเมนอยู่ที่เท่าไร?
อัตราค่าธรรมเนียมจะแตกต่างกันไปตามผู้ให้บริการและประเภทของโดเมน โดยโดเมนเฉพาะทางหรือแบบภูมิภาคมักมีราคาสูงกว่าโดเมน .com หากต้องการเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายของแต่ละผู้ให้บริการ สามารถดูรายละเอียดได้ในหัวข้อ “เลือกผู้ให้บริการจดโดเมน” ที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้